รมว.ยุติธรรมถือฤกษ์ 09.39 อัญเชิญพระพุทธรูปโบราณสุโขทัยเข้าห้องทำงานใหม่ ยันในคุกยังปลอดภัยไม่มีคนติดเชื้อโควิด ชี้มีมาตรการคัดกรองเข้มข้น เผยมีเรือนจำงดเยี่ยมญาติแล้ว 121 แห่งให้คุยผ่านไลน์แทน เตรียมหารือปธ.ศาลฎีกาเร่งออกหมายปล่อยตัวผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ช่วยลดความแออัดในคุก




นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเรือนจำที่ประกาศงดเยี่ยมญาติ ในช่วงพบการระบาดของโควิด-19 รวม 121 แห่ง คือ 1.เรือนจำ/ทัณฑสถานที่งดเยี่ยมญาติแล้ว 66 แห่ง แบ่งเป็น กรมราชทัณฑ์สั่งปิด 13 แห่ง เรือนจำ/ทัณฑสถานสั่งปิดตามสถานการณ์ในจังหวัด 53 แห่ง 2.เรือนจำ/ทัณฑสถานที่กำลังจะงดเยี่ยมญาติภายใน 28 ธันวาคม 2563 จำนวน 55 แห่ง และมีเรือนจำที่ยังไม่ปิด 22 แห่ง ส่วนผู้ต้องขังต่างด้าวเฝ้าระวัง 14 วัน มีรับตัวเข้าใหม่ (วันที่ 11 - 24 ธค. 63) จำนวน 253 ราย รับย้าย (วันที่ 11-24 ธ.ค. 63) จำนวน 50 ราย เรือนจำที่รับตัวเข้าใหม่สูงสุด 2 แห่ง คือเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี 28 คน และ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต 27 คน ซึ่งหลายเรือนจำต้องปิดการเยี่ยมญาติตามคำสั่งกรมราชทัณฑ์แต่ก็มีหลายแห่งสมัครใจ ซึ่งแม้จะปิดการเยี่ยมญาติ แต่เราได้ให้เยี่ยมญาติผ่านแอปพลิเคชันไลน์ได้ เพื่อความปลอดภัยในการป้องกันโรค นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือ นักโทษเพิ่มเติม คือ เรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังใช้เงินเพิ่มจากเดิม 300 บาทต่อวันเป็น 600 บาทต่อวัน"ผมยืนยันว่าขณะนี้ในเรือนจำยังไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด และเราตั้งใจทำตามมาตรการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข เรามีประสบการณ์มาแล้ว และไม่มีการไปริดรอนสิทธิใดๆ หากใครได้รับการพระราชทานอภัยโทษหรือพักโทษ เราจะเร่งดำเนินการตามกระบวนการเหมือนเดิม ทั้งนี้โควิดรอบใหม่นี้ติดต่อง่าย อาจจะไม่สะดวกสบายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ซึ่งการใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยให้ปลอดภัย กลับมาทำมาค้าขายและดำเนินชีวิตตามปกติได้ ผมขอให้ทุกท่านใส่หน้ากากอนามัยตลอดเมื่อออกจากบ้านและทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด สถานการณ์ต่างๆจะได้ควบคุมได้ง่ายและกลับมาปกติโดยเร็ว"นายสมศักดิ์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ตนจะไปพบกับประธานศาลฎีกา เพื่อหารือถึงการออกหมายสำหรับผู้ต้องขังที่ได้รับการพระราชทานลดโทษและอภัยโทษ ประมาณ 20,000 ราย เพราะเกี่ยวเนื่องกับการระบายผู้ต้องขัง เป็นการลดความแออัดในเรือนจำ โดยปกติการออกหมายเพื่อปล่อยตัวและพักโทษผู้ต้องขังที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษต้องใช้เวลาถึง 120 กว่าจะจัดแจงเรื่องทุกอย่างเสร็จ ตนจึงอยากขอให้ศาลได้ช่วยในเรื่องของการออกหมายให้เร็วกว่านี้ ซึ่งตนต้องขอย้ำอีกครั้งว่าผู้ต้องขังกลุ่มนี้จะไม่เกี่ยวกับกลุ่มคดีร้ายแรง 7 ประเภท คือ ฆ่าข่มขืนเด็ก ฆ่าข่มขืน ฆาตรกรต่อเนื่อง ฆาตรกรโรคจิต สังหารหมู่ ปล้นฆ่าชิงทรัพย์และนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ และในส่วนที่ 2 จะไปหารือถึงการไต่สวนผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร็น เพื่อไม่ต้องให้ผู้ต้องขังออกนอกเรือนจำเป็นการลดความเสี่ยง ซึ่งขณะนี้เราได้ทำเรื่องไปยังศาลแล้วและมีการเตรียมพร้อมของอุปกรณ์แล้ว
เมื่อถามถึงเรื่องโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การตั้งนิคมฯเพื่อเป็นการให้ผู้ต้องขังมีงานทำ มีรายได้ แต่เรายังต้องคิดและศึกษาในการดูแลควบคุมให้สังคมไว้ใจและเกิดความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้เรามีศูนย์ JSOC ที่ทำหน้าที่ติดตามดูแลได้ รวมถึงการติดตามผู้พักโทษและกลุ่ม Watchlist ตนอยากให้สังคมเข้าใจคงต้องมีการคุยกันอีกเยอะ
พร รวิธนิษฐา /รายงาน

ความคิดเห็น
โพสต์ความคิดเห็น